วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2558

กลวิธีหนีกรรม











กลวิธีหนีกรรมให้พ้นแบบถาวร

เมื่อคนเราถึงจุดๆ หนึ่งในที่สุดแห่งทุกข์ คือเมื่อไม่สามารถรับมือกับความทุกข์ได้ คิดว่าหนี้กรรมที่ต้องชดใช้นั้นทำอย่างไรก็ไม่หมด เพราะชีวิตไม่สามารถปลดเปลื้องทุกข์ได้เสียที เมื่อทุกข์เก่าหมด ทุกข์ใหม่ก็ตามสัญจรมาให้พบเจออีกไม่จบไม่สิ้น

ในบางคนที่จิตใจอ่อนแอไม่สามารถรับมือกับความทุกข์ที่ถาโถมได้ หรือโดนกระทบจากทุกข์แบบรอบทิศทางจึงมักคิดหาทางออกด้วยการหนี้ให้พ้นทุกข์แบบถาวรด้วยการ “ฆ่าตัวตาย” เพื่อจะหนี้ทุกข์หนีกรรมให้พ้น

แต่การฆ่าตัวตายไม่ใช่การหนีทุกข์ได้อย่างแท้จริง การที่คนเรากว่าจะเกิดขึ้นมาเป็นมนุษย์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย โควตาการเกิดเป็นมนุษย์นั้นมีจำกัดและทำได้ยากยิ่ง ยิ่งกว่าการสอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำอันดับหนึ่งของโลกที่มีอัตราส่วน หนึ่งต่อล้านคนเสียอีก

พระพุทธเจ้าทรงอุปมาว่า หากมีมหาสมุทรสุดกว้างใหญ่อยู่แห่งหนึ่ง และเหนือผิวน้ำนั้นมีห่วงเล็กๆ ที่ลอยฟ่องอยู่ ในแต่ละวินาทีห่วงนี้ก็จะถูกคลื่นลมตีให้ลอยคว้างไปมาอยู่ตลอดเวลา ส่วนเบื้องล่างผิวน้ำก็มีเต่าตาบอดตัวหนึ่ง ทุกๆร้อยปี เต่าตาบอดจะโผล่หัวขึ้นมาสู่ผิวน้ำสักครั้ง โอกาสที่เต่าตาบอดจะโผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำและเอาหัวมาสวมเข้ากับห่วงเล็กๆ ห่วงนั้นอย่างพอเหมาะพอดี เรียกได้ว่าเป็นไปแทบจะไม่ได้ แต่โควตาการได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นยากกว่านั้นเป็นล้านเท่า


วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

สร้างทุกข์

สร้างทุกข์ 



เรื่องนี้ถึงเหตุการณ์จะเกิดขึ้นก่อนสงครามโลกครั้งที่ ๒ มาแล้วก็ตาม ข้าพเจ้าก็อดคิดไม่ได้ว่ามันอาจเป็นตัวอย่างที่เป็นประโยชน์อันหนึ่งสำหรับอนุชนรุ่นหลัง ในทางที่จะช่วยยับยั้งจิตใจของผู้ที่กำลังประสบเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกับเรื่องนี้ มิให้ต้องตกอยู่ในห้วงของความทุกข์ ดังที่ข้าพเจ้าได้พบและบรรยายต่อไปนี้

ณ วันหนึ่งก่อนสงครามโลกครั้งที่แล้ว ข้าพเจ้าได้บัตรเชิญไปทานอาหารในงานมงคลสมรสของบ่าวสาว ซึ่งได้จัดให้มีขึ้น ณ ภัตตาคารที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ครั้นถึงวันกำหนดในตอนเช้า ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังจะออกจากบ้านไปทำงาน ข้าพเจ้าก็ตั้งใจไว้ว่า วันนี้ต้องจัดเอาของขวัญชิ้นหนึ่ง เพื่อไปในงานสมรสที่ได้รับเชิญในคืนนี้ 

แต่ยังไม่ทันที่จะออกจากบ้าน เจ้าบ่าวกับพวกอื่นๆ ก็มาหาที่บ้านขอร้องให้ไปงานสมรสคืนนี้ให้ได้ เพราะเขานับถือข้าพเจ้าเสมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง ที่เขามากำชับเตือนเพราะกลัวว่าจะลืม ข้าพเจ้าก็รับปากว่าคืนนี้ต้องไปแน่เพราะคุ้นเคยสนิทสนมกับบิดาของเขาดี และแม่เจ้าบ่าวก็นับถือเรียกข้าพเจ้าว่าอา

เย็นวันนั้น ข้าพเจ้าก็ตรงไปภัตตาคารตามเวลาที่แจ้งไว้ในบัตรเชิญ เมื่อขึ้นไปชั้นบนที่เขาจัดเลี้ยงอาหารก็เห็นผู้คนมาในงานมากมาย ข้าพเจ้าได้รับการต้อนรับอย่างดีจากเจ้าภาพและถูกเชิญไปนั่งโต๊ะมุมหนึ่ง ซึ่งมีผู้ใหญ่นั่งอยู่หลายท่านจึงร่วมวงสนทนากัน

ความดีที่ไม่สูญ


ความดีที่ไม่สูญ 


เทศกาลตรุษจีนตรงกับวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๐๔ เป็นวันถือ เป็นประเพณีเดิมซึ่งถือกันตลอดมา และเป็นวันหยุดของห้างร้านทั้งจีนและชาวต่างประเทศที่เกี่ยวกับกิจการค้า แม้แต่ธนาคารพาณิชย์ซึ่งปีก่อนไม่หยุด แต่ปีนี้ก็หยุดไปตามกัน

ข้าพเจ้าถือโอกาสในวันหยุดนัดหมายไว้ว่า จะไปพักผ่อนที่ชายหาดทะเลพัทยาพร้อมทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ฉะนั้นย่ำรุ่งวันที่ ๑๕ ข้าพเจ้าก็ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ มุ่งตรงไปจุดหมายปลายทางคือ พัทยา แต่วันนี้รู้สึกว่าโชคไม่สู้จะดี ฝนโปรยมาแต่เช้า ท้องฟ้ามืดครึ้ม เมื่อรถผ่านด่านเก็บค่าทางบางปูไปได้ไม่ไกลนัก รถก็หยุดลงเครื่องยนต์ไม่ยอมทำงานต่อไป

ข้าพเจ้านำรถเข้าข้างทางแล้วก็ลงมือตรวจแก้ เครื่องมือก็มีไขควงเพียงอันเดียว นี่เป็นความบกพร่องอันหนึ่งที่ข้าพเจ้านึกตำหนิตัวเอง ที่ไม่ได้ตรวจดูเครื่องมือให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทางไกล และข้าพเจ้ายังหย่อนความชำนาญในทางเครื่องยนต์ ฉะนั้น หลังจากแก้ไขไปพักหนึ่งอย่างงูๆ ปลาๆ ก็หมดปัญญา และนึกขำแต่ในใจว่ารถเจ้ากรรมแต่ไหนแต่ไรไม่เคยเสีย เมื่อจะเสียก็เสียเอาวันสำคัญคือวันตรุษจีน ทุกหนทุกแห่งเขาหยุดงานหมดตามช่างที่ไหนมาแก้ ซ้ำมาเสียห่างจากกรุงเทพฯ เกือบ ๔๐ กิโลเมตร

คิดแล้วก็ไม่เห็นมีทางอื่นจะดีเท่าโดยสารรถเข้ากรุงเทพฯ แล้วก็เที่ยวหาช่าง และก็นึกท้อใจเพราะอู่และช่างที่เคยใช้เป็นประจำก็เคยบอกว่าตรุษจีนปีนี้จะไปเที่ยวพระพุทธบาท ฉะนั้นช่างที่ประจำก็หมดหวังแน่ ช่างอื่นๆ ไม่เห็นเลยในวันตรุษเทศกาลสำคัญเช่นนี้เขาหยุด แม้จะพบก็คงบ่ายเบี่ยงไม่ยอมมาเป็นแน่ นี่เป็นข้อที่น่าหนักใจมาก

คนดี-คนชั่ว



คนดี-คนชั่ว
 

เย็นวันหนึ่ง ข้าพเจ้าได้มีโอกาสไปในงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดครบห้ารอบ ของท่านผู้เคยรักนับถือกันมาเก่าแก่ มีงานในบริเวณเขตบ้านที่กว้างขวางใหญ่โต สนามหญ้าตัดเรียบมองดูคล้ายปูลาดด้วยพรมสีเขียวสดผืนใหญ่ รอบๆ สนามปลูก ไม้ดอกออกดอกบานเต็มต้นทั่วๆ ไป มีสีต่างๆ สวยสดงดงาม ส่วนไม้ใบก็จัดไว้เป็นพวกเป็นหมู่เป็นกอเป็นระเบียบ ระยะห่างกันพองาม

พวกสุภาพสตรีเมื่อเข้าในเขตบ้านได้เห็นไม้ดอกไม้ใบ ก็ต้องร้องอุทานด้วยความตื่นเต้นว่า “อุ๊ ! สวยงามเหลือเกิน แต่สำหรับข้าพเจ้าเห็นแล้วก็ทำให้เพลิดเพลินตาและสบายใจ อดนึกไม่ได้ว่านี่เป็นการแสดงถึงความมั่งคั่งของเจ้าบ้าน ที่สามารถจะเนรมิตให้เป็นสวนสวรรค์ภายในเขตบ้านได้ตามใจชอบ เจ้าของบ้านหรือเจ้าภาพเวลานี้มีชื่อเสียงมีคนนับหน้าถือตาผู้หนึ่งในสังคมเมืองไทย แต่เป็นคนดีเสมอต้นเสมอปลาย ไม่เคยลืมเพื่อนฝูงเมื่อครั้งวัยหนุ่มๆ

เย็นวันนั้น ข้าพเจ้าได้พบเพื่อนฝูงเก่าแก่หลายท่าน เราต่างมีความยินดีชวนกันยกเก้าอี้ออกมานั่งโคนต้นไม้ห่างไกลจากหมู่คน เพื่อหาโอกาสจะได้สนทนากันอย่างเต็มที่ตามลำพังล้วนแต่พวกเราเพราะนานๆ จะมีโอกาสพบปะเพื่อนเก่าแก่มากคนพร้อมหน้ากันสักครั้งหนึ่ง บางท่านไม่ได้พบกันมาเป็นเวลานานนับสิบๆ ปี บางท่านก็ไปเป็นขุนนางอยู่ต่างจังหวัด พอลาออกจากราชการแล้วก็ถือโอกาสตั้งรกรากครอบครัวอยู่บ้านนอกถือสันโดษมักน้อย นานๆ จะเข้ามาเมืองหลวงสักครั้งหนึ่ง

ฉะนั้น เราจึงมีความดีใจต่างรื้อฟื้นชีวิตเก่าๆ ขึ้นมาคุยกันใหม่เรียกร้องความสนิทสนมเหมือนครั้งหนุ่มๆ ใครมีอะไรเรื่องเก่าๆ นึกได้ก็นำมาเล่าสู่กันฟัง บางครั้งก็งัดเอาเรื่องเก่าแก่ขำขันพอที่จะทำให้เพื่อนๆ หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็งไอจามสำลักได้ เราก็ช่วยกันขุดขึ้นมาเล่าให้กันฟัง มันทำให้บรรยากาศสดชื่น และกระชับความสัมพันธ์ให้แนบแน่นเป็นกันเองยิ่งขึ้น

กรรมเป็นสิ่งลี้ลับ




กรรมเป็นสิ่งลี้ลับ 

ก่อนเที่ยงวันหนึ่ง ที่โรงแรมแห่งหนึ่งอยู่ทางถนนราชดำเนิน เที่ยงวันนั้นเราได้พบพร้อมหน้าตามที่นัดหมายไว้ เมื่อเราได้กินอาหารและได้สนทนาอย่างกันเองเป็นที่สนุกสนาน สิ่งใดที่ทำให้เราสนุกสนานและสบายใจได้ สิ่งนั้นก็เห็นจะได้แก่การคุยกับเพื่อนฝูง มิตรสหายที่ถูกคอถูกนิสัย รู้จักสนิทเข้าใจกันดี รู้เรื่องและพูดเรื่องที่เกิดประโยชน์ได้รับความรู้เบิกบาน ทั้งผู้พูดเล่าเรื่องและผู้ฟังแกมขำขัน ทำให้อารมณ์เคร่งเครียดในการงานอย่างจำเจก็ผ่อนคลายลง

เรื่องที่คุยกันทั้งมีสาระและไม่เป็นสาระหลายรส บางครั้งก็มีเรื่องทำให้เศร้า ตามปกติเราก็ชอบเรื่องสนุก ทุกครั้งเราได้มาร่วมกินอาหารและคุยกันส่วนมากมักจะเพลิดเพลิน ลืมเวลางานไปชั่วขณะหนึ่ง และมักจะออกจากห้องอาหารเป็นพวกสุดท้าย ที่โต๊ะอาหารนั้น เรามีทั้งผู้ที่เคยร่วมกินอาหารเป็นประจำ และมีบางท่านนานๆ จะได้โผล่มาร่วมกินอาหารด้วยสักครั้ง วันนั้นเราได้สนทนากันถึงเรื่องกรรม ความจริงที่เป็นเรื่องเศร้าที่เกิดขึ้นแล้ว ซึ่งเราก็ควรรู้ไว้จะได้ไม่หลงลืมตัว พิจารณาถึงเรื่องกรรม เพื่อนผู้เคยเป็นนายธนาคารมาแล้วได้กล่าวขึ้นว่า

“ผมเล่าเรื่องกรรมเป็นความจริง ผมได้พบมาแล้วเพราะมันไม่ใช่อื่นไกล ผู้นั้นเป็นเพื่อนที่รักสนิทสนมกับเพื่อนมาก เพราะเราเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันมา หมอนี่เกลียดแมลงสาบเป็นที่สุดในชีวิต เห็นที่ไหนเป็นไม่ได้ต้องไล่ตีทำลายจนตายถึงจะสบายใจ ถ้ามีเวลาก็จะรื้อตามตู้ ตามลิ้นชักโต๊ะ พบเป็นฆ่าดะ คล้ายจะมีความอาฆาตพยาบาทติดในนิสัยสันดาน เป็นศัตรูคู่อริกับพวกแมลงสาบมาแต่อดีตชาติมาก่อน แปลกเหลือเกิน 

เพื่อนผู้นี้เป็นนักดื่มอย่างคอทองแดง ต่อมาก็ไม่พ้นหลักธรรมชาติ คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ที่สุดก็ได้ป่วยไข้ได้ถึงแก่กรรมลง ในฐานะผู้เป็นเพื่อนที่รักสนิทสนมกันมาก เมื่อรู้ว่าเพื่อนตายก็เสียดายและมีความอาลัยรักอย่างมนุษย์ปุถุชนทั้งหลาย เพื่อนได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ ผมได้ช่วยงานเท่าที่ผมจะช่วยได้ การสวดศพจนที่สุดก็บรรจุศพ เพื่อคอยเวลาที่จะทำการฌาปนกิจในเวลาอันสมควร

ความหลังครั้งหนึ่ง



ความหลังครั้งหนึ่ง 


ถ้าจะนับย้อนหลังจาก พ.ศ. ๒๕๐๓ ไปประมาณสิบกว่าปี ยังจำได้ คืนหนึ่งซึ่งข้าพเจ้าได้ทราบเรื่องราวของท่านผู้มีอายุผู้หนึ่ง เป็นเรื่องที่ออกจะพิสดารอยู่มาก คืนนั้นอยู่ในเดือนพฤศจิกายน เป็นคืนข้างขึ้นเดือนหงาย เราเพื่อนๆ หลายคนได้ไปดูหนังที่ศาลาเฉลิมกรุง หนังเลิกตอนเที่ยงคืน เมื่อออกจากโรงหนังแล้ว เราชวนกันเดินตามสบายไม่รีบร้อน แล้วมาถึงที่ท่าเรือใต้สะพานพุทธยอดฟ้า ฝั่งพระนคร เพราะนัดกันไว้แล้วว่าจะไปลงเรือ ซึ่งเป็นองค์กฐินที่จอดคอยอยู่ที่ท่าใต้สะพานใหม่ กำหนดออกเรือเวลาประมาณตีหนึ่ง


หลังเที่ยงคืน ที่ใต้สะพานมีเรือกฐินจอดอยู่หลายราย ดูข้างเรือมีชื่อของคณะ แน่ใจว่าเรามาไม่ผิดลำแล้ว พวกเราจึงลงไปในเรือกฐิน ก็เห็นมีผู้คนทั้งหญิงชายมากหน้าหลายตา ต่างสนทนากันอย่างสนุกสนานอยู่บนเรือ แล้วเราจึงหาที่นั่งเพราะบางทีอาจจะต้องนอนถ้าง่วง


เมื่อพบผู้ที่รู้จัก เราต่างทักทายปราศรัยกันตามธรรมดาผู้ที่คุ้นเคยมาก่อน ที่ยังไม่รู้จักต่างก็แนะนำให้รู้จักกัน ด้วยดวงหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสและกิริยาวาจาสุภาพเรียบร้อย เพราะว่าจะได้เดินทางไปทำบุญสร้างกุศล ทำความดีร่วมกันทุกคน คืนนั้นตรงกับวันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๑ ท้องฟ้าแจ่มกระจ่าง ไม่มีเมฆหมอกมาบดบังดวงจันทร์ สามารถจะอ่านหนังสือพิมพ์ได้กลางแสงเดือน


เมื่อได้พบกับพวกเจ้าภาพแล้ว เราก็พากันมานั่งที่หัวเรือสนทนากับนายท้ายพลาง มองดูลำน้ำเจ้าพระยา มองเห็นเรือซึ่งแล่นขึ้นล่องตามท้องน้ำ ในยามดึกเดือนหงาย ความสว่างของแสงเดือนทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างยิ่งน่าดูน่าชม จิตใจเพลิดเพลินรอเวลาที่เรือจะแล่นออกจากท่า


คืนนั้นสังเกตดูผู้ที่จะเดินไปในงานกฐิน มีทั้งหญิงชาย เด็ก ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ ต่างก็นั่งสนทนากันอย่างสนิทสนม แล้วแต่ว่าใครจะมีเรื่องอะไรมาเล่าสู่กันฟัง พวกผู้ใหญ่ที่มีอายุก็สนทนากันในกลุ่มผู้ใหญ่ มีเรื่องทำบุญถือศีลฟังเทศน์ฟังธรรม ที่วัดไหนดีฟังแล้วเข้าใจง่ายท่านอธิบายจะแจ้ง หรือไม่ก็ที่สำนักไหนสอนทางวิปัสสนากรรมฐาน ทำให้เกิดปัญญามองเห็นทุกข์ได้อย่างจะแจ้ง แล้วก็ยกย่องสรรเสริญอาจารย์วัดนั้นวัดนี้ว่าดี คิดว่าเมื่อกลับจากงานกฐินคราวนี้ ก็จะชักชวนกันไปหาท่าน

วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

กรรมในอดีต



กรรมในอดีต 

เมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๐ เราพร้อมด้วยผู้มีจิตศรัทธาทั้งหลาย ได้ช่วยกันนำเทียนพรรษาไปถวายที่โบสถ์วัดตะเคียนทอง จังหวัดนครนายก เราออกรถแต่เช้ามีผู้ที่ร่วมไปในงานวันนั้นประมาณสามสิบกว่าคน มีท่านที่ข้าพเจ้าเคารพนับถือจำนวนไม่น้อย เราได้ใช้เวลาเดินทางสนทนากันตลอดเวลา ในเช้าวันนั้นได้มีเพื่อนรุ่นพี่ที่ได้ถูกเคราะห์กรรมถูกไฟไหม้บ้าน ในคราวที่ไฟไหม้ฝั่งธนฯ ก่อนหน้าเราเดินทางไปถวายเทียนเข้าพรรษาวัดตะเคียนทองเพียงอาทิตย์เดียว

คุณพี่ผู้ชายนั้นใจเย็นคิดตก ไม่รู้สึกยินดียินร้ายที่ได้รับเคราะห์กรรมในครั้งนี้ ต้องเสียทรัพย์สินไปมากมาย คิดว่าเป็นผลแห่งกรรม ส่วนคุณพี่ผู้หญิงยังน้อยใจตัวเองว่า ครอบครัวเขาไม่เคยทำบาปกรรมอะไรเลย ทำไมถึงได้รับเคราะห์กรรมหนักเช่นนี้ เราได้ทำแต่ความดี นับแต่เริ่มรับราชการตลอดมาด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ที่ดินก็เช่าที่วัดอยู่ไม่ได้มีทรัพย์สินเกินฐานะที่ได้รับราชการมาจนเกษียณอายุ เคยมีตำแหน่งที่คนเข้าใจว่าร่ำรวยมากมาย แต่เราทำงานตรงไปตรงมา จึงได้แต่สบายใจ เราทำงานด้วยจิตใจเป็นธรรม มีความสุจริตไม่เคยมีชื่อเสียงในทางไม่ดี มีประวัติขาวสะอาดเป็นที่ภูมิใจแม้ไม่ร่ำรวย ก็สร้างความสบายใจให้แก่ตนเอง

พวกเราต่างก็ช่วยกันชี้ให้เห็นกรรม เป็นของมีแน่นอนและย่อมได้ผลแตกต่างกันตามแต่กรรมนั้นจะเป็นอย่างไร แต่แล้วก็มีท่านผู้รู้ใจศรัทธาผู้หนึ่งได้เล่าเป็นนิทานคล้ายจะเป็นวรรณคดีจีน เมื่อข้าพเจ้าได้ยินได้ฟังก็รู้สึกว่าเป็นคติ แม้จะเป็นนิทานโบรมโบราณของจีนก็เป็นเรื่องที่น่าคิดนารู้ จึงได้ถ่ายทอดมาเล่าสู่กันฟังว่า

เมื่อครั้งโบราณ มีสามีภรรยาคู่หนึ่ง สามีเป็นคนใจบุญประกอบแต่การกุศล มีเงินเท่าใดก็สร้างแต่กุศล ภรรยาก็ห้ามว่าอย่าทำบุญมากมายนักเลย แต่ภรรยาห้ามเท่าใดก็ไม่ยอมฟังที่สุดก็ยากจนลง สามีจึงบอกภรรยาว่า บัดนี้เราก็ยากจนลงแล้วไม่อยากให้เจ้าได้รับความลำบากกับเรา เพราะเจ้ายังสาวสวยยังมีความแข็งแรงพอที่จะทำงานให้เขาได้ เราจะนำเจ้าไปขายให้เป็นคนใช้เขาดีกว่าจะอยู่กับเรา เพื่อเจ้าจะได้อยู่ดีกินดีมีความสุขสบาย เจ้าอยู่กับเรานั้นไม่มีความสบาย มีแต่ความยากลำบากจนตาย ทั้งเราก็จะนำเงินที่ขายเจ้าไปทำบุญสร้างกุคล

เบื้องหลังแห่งกรรม



เบื้องหลังแห่งกรรม 

วันหนึ่งข้าพเจ้าได้รับโทรศัพท์จากคุณณรงค์ ได้พูดมาจากธนาคารกรุงเทพฯ เล่าเรื่องของเด็กหญิงเพ็ญศรี อายุเพียง ๑๐ ขวบ ที่เที่ยวขายพวงมาลัยตามข้างถนน ตามสถานที่หย่อนใจตามหน้าบาร์ เพื่อหารายได้มาเลี้ยงแม่และน้องๆ อีก ๓ คน น้องคนเล็กยังอยู่ในอกแม่ น้องอีกสองคนก็ยังเล็กๆ แต่แล้วเด็กหญิงที่น่าสงสารก็ถูกรถยนต์เก๋งของนักท่องราตรีเที่ยวหาความสำราญทางสุรานารีชนเอา เห็นจะเป็นเพราะมึนเมา จึงขับรถชนเอาเด็กหญิงผู้น่าสมเพชล้มฟุบอาการสาหัส แล้วก็ถึงแก่ความตายขณะที่กำลังขายพวงมาลัยเพื่อนำเงินมาเลี้ยงครอบครัว รถเพชฌฆาตได้ทำลายชีวิตของเด็กหญิงผู้บริสุทธิ์ไม่รู้เดียงสา แล้วก็หลบหนีไป คุณณรงค์อยากจะชวนให้ข้าพเจ้าไปเห็นสภาพการเป็นอยู่ของครอบครัวนี้

เหตุเกิดขึ้นในปลายเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๐๘ เป็นเรื่องเศร้าเด็กหญิงผู้เคราะห์ร้ายถูกรถยนต์ชนตาย เมื่อคุณณรงค์ได้ทราบข่าวจากหนังสือพิมพ์รายวัน ลงข้อความน่าเศร้าใจนึกสงสาร ตามปกติคุณณรงค์เชื่อกฎแห่งกรรม ใครทำดีทำชั่วย่อมเกิดผลตามสนอง และสนใจหนังสือของข้าพเจ้าสละเงินช่วยพิมพ์เผยแพร่ตลอดมา เป็นผู้มีจิตใจเป็นกุศลมีมนุษย์ธรรมอยู่แล้วจึงเกิดความสังเวช สงสารอยากจะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ตกอยู่ในความยากลำบาก

จึงจัดตั้งคนไปสืบดูความเป็นอยู่ของครอบครัวนี้ และคนไปดูเห็นสภาพกลับมาส่งข่าวที่ได้เห็นความทุกข์ยากลำบากมาให้คุณณรงค์ทราบ คุณณรงค์จึงได้จัดส่งเงินจำนวนหนึ่ง ไปมอบให้แก่แม่ของเด็กหญิงเพ็ญศรี เพื่อบรรเทาความทุกข์ยาก

ต่อมาคุณณรงค์และพวกพนักงานในธนาคารกรุงเทพฯ ต่างก็พร้อมใจกันเสียสละเงินได้จำนวนหนึ่ง จึงตั้งใจไว้ว่าจะให้ข้าพเจ้าเป็นผู้มอบแก่แม่ของเด็ก พร้อมทั้งจะได้ไปเห็นความเป็นอยู่ของครอบครัวนี้ ซึ่งเป็นความทุกข์ยากของเพื่อนมนุษย์ในมุมหนึ่งของชีวิต เพื่อจะนำมาตักเตือนผู้ที่ขับรถโดยประมาทเมื่อชนคนตายแล้วก็รีบหนี กำลังเป็นข่าวขึ้นในเมืองเรา กฎหมายเรายังไม่รัดกุม ไม่นึกถึงชีวิตเบื้องหลัง ญาติพี่น้องของผู้ตายต้องผจญต่อกรรมความยากแค้นแสนสาหัสเพียงไร

ข้าพเจ้าตอบตกลงและขอบคุณที่ได้ให้เกียรติข้าพเจ้าเป็นผู้มอบเงินให้แม่ของเด็ก ข้าพเจ้าจึงอยากพบอยากเห็นความทุกข์ยากลำบากในแง่หนึ่ง และข้าพเจ้าปลื้มปิติ ขออนุโมทนาในการสร้างกรรมดีในความเมตตากรุณาของคุณณรงค์และคุณนาย พร้อมทั้งพนักงานในธนาคารที่มีจิตเมตตาสงสารชีวิตซึ่งกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ ได้ช่วยกันแผ่เมตตาจิตช่วยเหลือเกื้อกูล ให้ได้รับความทุกข์ยากน้อยลง พอที่จะขยับขยายมีทุนทรัพย์จะทำมาหาเลี้ยงชีพต่อไป

อโหสิกรรม



อโหสิกรรม
คืนหนึ่งในเดือนมิถุนายน ๒๕๑๑ ข้าพเจ้ากำลังนั่งทำงานอยู่ในห้องหนังสือ ในยามเงียบสงัดปราศจากเสียงรบกวนทำให้อารมณ์สงบ เด็กเข้ามาบอกว่า มีผู้ต้องการพูดด้วยทางโทรศัพท์ ข้าพเจ้าก็ต้องรีบวางงานออกจากห้องไปรับโทรศัพท์ กล่าวขอโทษที่มารับโทรศัพท์ช้าไป เพราะห้องที่ทำงานกับโทรศัพท์อยู่คนละแห่ง เมื่อท่านผู้นั้นได้ทราบว่าข้าพเจ้าเป็นผู้พูด ก็แสดงความดีใจและกล่าวคำขอโทษที่รบกวนในยามค่ำคืนดึกดื่นเช่นนี้ บอกชื่อและที่อยู่ให้ทราบ แล้วท่านก็เริ่มระบายอารมณ์ที่ขุ่นมัวออกมา ทั้งโกรธแค้นเจ็บใจที่อัดไว้แน่นออกมาในเสียงทางโทรศัพท์ ข้าพเจ้าก็นิ่งฟังด้วยจิตสงบ ให้ความสนใจและเห็นใจ เราพูดกันอยู่คนละฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเราไม่เห็นตัว ทำให้นึกเดากิริยาท่าทางของผู้พูด ซึ่งพูดออกมาเสียงขุ่นๆ ตอนหนึ่งว่า
คุณเขียนแต่เรื่องพบคนดี ทำไมไม่เขียนเรื่องพบคนชั่วบ้าง คิดว่าคุณไม่เคยพบคนชั่ว คุณเป็นคนโชคดีพบแต่คนดี แต่ผมโชคร้าย หนีไม่พ้นคนชั่ว มันน่าเจ็บใจเหลือเกิน มนุษย์สมัยนี้บางคนมีร่างกายเป็นมนุษย์ แต่จิตใจมันโสมมยิ่งกว่าสัตว์ที่น่ารังเกียจ เพราะหาความแน่นอนไม่ได้ มีแต่ความสับปรับ แม้แต่ภายนอกมันจะแสดงตัวเป็นสุภาพบุรุษ กิริยาอ่อนน้อม และนั่งรถยนต์ราคาแพง แต่มันก็แฝงความชั่วไว้ภายใน ห่อหุ้มฉาบหน้าแสดงท่าเป็นสุภาพบุรุษไว้ภายนอก ผมได้พบมนุษย์ชนิดนี้มาแล้ว
แต่แล้วข้าพเจ้าก็ได้ยินเสียงดังกว่าปกติคล้ายอารมณ์เสียว่า นี่คุณฟังอยู่หรือเปล่าข้าพเจ้าสะดุ้งแล้วรีบตอบ ผมกำลังฟังอยู่ด้วยความสนใจทุกคำ ทุกประโยค โปรดพูดต่อไปเถิดครับ ผมคอยฟังอยู่แล้ว
เสียงหัวเราะในทางโทรศัพท์ว่า ขอบคุณที่ได้สนใจฟังอย่างสงบ เผลอไปคิดว่าคุณไม่ได้ฟัง ขอโทษด้วย นึกว่าปล่อยให้ผมพูดอยู่คนเดียว เหตุที่ผมต้องโทรศัพท์มารบกวนในยามค่ำคืนนี้ ก็เพราะเหตุที่คุณเป็นผู้เขียนเรื่อง พบคนดี" ในชุดกฎแห่งกรรม เมื่อได้อ่านแล้วทำให้จิตใจสบายซาบซึ้งถึงคุณธรรมสูงของท่านที่ประกอบกรรมทำดี เป็นผู้เสียสละมิได้เห็นแก่ตัว แม้จะเป็นคนในประเทศหรือนอกประเทศ รู้สึกมีชีวิตที่ราบรื่น โลกนี้น่าอยู่มีแต่ความสดชื่นสวยงาม อบอวลไปด้วยกลิ่นของคุณธรรมสูง ชื่อเสียงบริสุทธิ์เหมือนดอกไม้ที่สวยสดงดงามและกลิ่นหอม เป็นที่เคารพนับถือของคนที่รู้จักทั่วไป ผู้ใดประสบการณ์เข้าไปอยู่ในหมู่คนดีมีศีลธรรม ก็นับว่าเป็นโชคดีที่สุดในโลก มีความอบอุ่นด้วยคุณธรรม

กฎแห่งกรรม




เรื่องของกรรม 

ครั้งเมื่อข้าพเจ้ายังอยู่ในวัยเด็ก ได้ยินได้ฟังผู้ใหญ่พูดกันเสมอถึงคำว่า “กรรม” เช่นสมัยก่อนเมื่อทราบว่า คนที่รู้จักชอบพอกันเป็นโรคฝีในท้องหรือวัณโรค ผู้ใหญ่มักจะพูดว่า “กรรมของเขา” หรือพวกลูกหลานไปติดฝิ่นหรือยาเสพติด เช่น กัญชาจนเสียผู้เสียคน ผู้ใหญ่ก็มักจะชอบพูดว่า “กรรมของมัน” ถ้ามีลูกหลานไปทำผิด มีผู้มาบอก ญาติผู้ใหญ่มักจะโวยวายโทษว่า “กรรมแล้วๆ ๆ” และได้ยินเรื่องกรรมเสมอตลอดมาจนชินหู 

ทำให้ข้าพเจ้ารู้จักคำว่า “กรรม” เป็นเรื่องที่ชั่วร้ายเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ เมื่อพูดถึงคำว่า “กรรม” คนส่วนมากมักจะเข้าใจว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดี เป็นเสนียดจัญไร เป็นของชั่วช้ามีแต่ให้โทษไม่มีอะไรให้คุณ คิดว่าทั้งในอดีตและปัจจุบันนี้มีผู้ที่เข้าใจว่าชั่วร้ายยังมีไม่น้อย เพราะมีอะไรไม่ดีขึ้นก็มักจะโทษกรรม แต่เมื่อข้าพเจ้าได้รู้ได้เห็นได้ยินได้ฟัง และได้พิจารณาหาเหตุผล มีความรู้สึกคำว่า “กรรม” นั้นเป็นคำกลางๆ เพราะหมายถึง กระทำหรือทำ ไม่ใช่เป็นคำชั่วร้ายอย่างที่เข้าใจ 

นอกจากจะมีคำนำหน้าหรือพ่วงหลัง เช่น ผู้สร้างความดี มีจิตใจเมตตาปรานี ทำบุญให้ทาน ปฏิบัติตนอยู่ในศีล ๕ ก็เรียกว่า “กุศลกรรม” หมายถึง ผู้สร้างความดีเป็นบารมี หากผู้สร้างความชั่ว เช่น ฆ่าสัตว์หรือฆ่าตัวเองก็ดี หรือเป็นโจรผู้ร้ายลักขโมยหรือชอบเป็นชู้กับเมียของผู้คนที่เจ้าของหวงเจ้าของรัก หรือพูดจาส่อเสียดยุยงในเรื่องไม่เป็นความจริง ให้คนแตกสามัคคีเกิดเสียหาย หรือเมาสุราอาละวาดก่อกวนให้สังคมเดือดร้อน สิ่งเหล่านี้ผิดในศีลห้าข้อ เป็นการผิดในศีลธรรมก็เรียกว่า “อกุศลกรรม” 

ฉะนั้นเราได้พิจารณาคำว่า