วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2558

กลวิธีหนีกรรม











กลวิธีหนีกรรมให้พ้นแบบถาวร

เมื่อคนเราถึงจุดๆ หนึ่งในที่สุดแห่งทุกข์ คือเมื่อไม่สามารถรับมือกับความทุกข์ได้ คิดว่าหนี้กรรมที่ต้องชดใช้นั้นทำอย่างไรก็ไม่หมด เพราะชีวิตไม่สามารถปลดเปลื้องทุกข์ได้เสียที เมื่อทุกข์เก่าหมด ทุกข์ใหม่ก็ตามสัญจรมาให้พบเจออีกไม่จบไม่สิ้น

ในบางคนที่จิตใจอ่อนแอไม่สามารถรับมือกับความทุกข์ที่ถาโถมได้ หรือโดนกระทบจากทุกข์แบบรอบทิศทางจึงมักคิดหาทางออกด้วยการหนี้ให้พ้นทุกข์แบบถาวรด้วยการ “ฆ่าตัวตาย” เพื่อจะหนี้ทุกข์หนีกรรมให้พ้น

แต่การฆ่าตัวตายไม่ใช่การหนีทุกข์ได้อย่างแท้จริง การที่คนเรากว่าจะเกิดขึ้นมาเป็นมนุษย์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย โควตาการเกิดเป็นมนุษย์นั้นมีจำกัดและทำได้ยากยิ่ง ยิ่งกว่าการสอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำอันดับหนึ่งของโลกที่มีอัตราส่วน หนึ่งต่อล้านคนเสียอีก

พระพุทธเจ้าทรงอุปมาว่า หากมีมหาสมุทรสุดกว้างใหญ่อยู่แห่งหนึ่ง และเหนือผิวน้ำนั้นมีห่วงเล็กๆ ที่ลอยฟ่องอยู่ ในแต่ละวินาทีห่วงนี้ก็จะถูกคลื่นลมตีให้ลอยคว้างไปมาอยู่ตลอดเวลา ส่วนเบื้องล่างผิวน้ำก็มีเต่าตาบอดตัวหนึ่ง ทุกๆร้อยปี เต่าตาบอดจะโผล่หัวขึ้นมาสู่ผิวน้ำสักครั้ง โอกาสที่เต่าตาบอดจะโผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำและเอาหัวมาสวมเข้ากับห่วงเล็กๆ ห่วงนั้นอย่างพอเหมาะพอดี เรียกได้ว่าเป็นไปแทบจะไม่ได้ แต่โควตาการได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นยากกว่านั้นเป็นล้านเท่า


วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

สร้างทุกข์

สร้างทุกข์ 



เรื่องนี้ถึงเหตุการณ์จะเกิดขึ้นก่อนสงครามโลกครั้งที่ ๒ มาแล้วก็ตาม ข้าพเจ้าก็อดคิดไม่ได้ว่ามันอาจเป็นตัวอย่างที่เป็นประโยชน์อันหนึ่งสำหรับอนุชนรุ่นหลัง ในทางที่จะช่วยยับยั้งจิตใจของผู้ที่กำลังประสบเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกับเรื่องนี้ มิให้ต้องตกอยู่ในห้วงของความทุกข์ ดังที่ข้าพเจ้าได้พบและบรรยายต่อไปนี้

ณ วันหนึ่งก่อนสงครามโลกครั้งที่แล้ว ข้าพเจ้าได้บัตรเชิญไปทานอาหารในงานมงคลสมรสของบ่าวสาว ซึ่งได้จัดให้มีขึ้น ณ ภัตตาคารที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง ครั้นถึงวันกำหนดในตอนเช้า ขณะที่ข้าพเจ้ากำลังจะออกจากบ้านไปทำงาน ข้าพเจ้าก็ตั้งใจไว้ว่า วันนี้ต้องจัดเอาของขวัญชิ้นหนึ่ง เพื่อไปในงานสมรสที่ได้รับเชิญในคืนนี้ 

แต่ยังไม่ทันที่จะออกจากบ้าน เจ้าบ่าวกับพวกอื่นๆ ก็มาหาที่บ้านขอร้องให้ไปงานสมรสคืนนี้ให้ได้ เพราะเขานับถือข้าพเจ้าเสมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง ที่เขามากำชับเตือนเพราะกลัวว่าจะลืม ข้าพเจ้าก็รับปากว่าคืนนี้ต้องไปแน่เพราะคุ้นเคยสนิทสนมกับบิดาของเขาดี และแม่เจ้าบ่าวก็นับถือเรียกข้าพเจ้าว่าอา

เย็นวันนั้น ข้าพเจ้าก็ตรงไปภัตตาคารตามเวลาที่แจ้งไว้ในบัตรเชิญ เมื่อขึ้นไปชั้นบนที่เขาจัดเลี้ยงอาหารก็เห็นผู้คนมาในงานมากมาย ข้าพเจ้าได้รับการต้อนรับอย่างดีจากเจ้าภาพและถูกเชิญไปนั่งโต๊ะมุมหนึ่ง ซึ่งมีผู้ใหญ่นั่งอยู่หลายท่านจึงร่วมวงสนทนากัน